คาร์ซีท เป็นที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเนื่องจากที่นั่งและเข็มขัดนิรภัยของรถไม่เหมาะกับสรีระของเด็ก จึงดีไซน์มาเพื่อปกป้องและป้องกันเด็กจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วยลดความรุนแรงในการบาดเจ็บและกันไม่ให้เด็กเสียชีวิต สามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่เป็นเด็กทารกจนถึงอายุ 12 ปี มีหลายประเภทให้เลือกตามช่วงอายุของเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาไว้รวมถึงการติดตั้งและข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับคาร์ซีท

คาร์ซีท คืออะไร

คาร์ซีท เป็นที่สนใจมากขึ้นหลังจากเว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ใจความสำคัญที่เกี่ยวข้องคือ “คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือนั่งในที่พิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตรายหรือมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ”

คาร์ซีท (Car Seat) คืออุปกรณ์หรือเบาะที่นั่ง ที่ทำหน้าที่เหมือนเข็มขัดนิรภัยโดยใช้ระบบผูกรัดให้ติดกับเบาะนั่งของเด็ก ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับเด็กอายุ 0 – 13 ปี เป็นอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้เด็กกระเด็นจากเบาะ จากการเบรค ชน และยังช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการชนได้บางส่วน นับว่าช่วยเพิ่มโอกาสที่ลดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของเด็ก

สำหรับการใช้งานก็ง่ายด้วยนำเบาะไปวางไว้ที่เบาะคนนั่งแบบธรรมดา แล้วก็นำลูกไปนั่งตรงคาร์ซีท เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย แต่ก่อนที่จะขับรถออกไปนั้นก็ควรจะต้องคาดสายรัดด้วยเช่นกัน แล้วการเดินทางก็จะปลอดภัยตลอดเส้นทางแห่งการเดินทาง เพียงเท่านี้ก็หมดปัญหาในการหาเบาะที่นั่งให้สำหรับลูกในเวลาการเดินทางแล้ว

ความจำเป็นของคาร์ซีท

ในต่างประเทศนั้นจัดได้ว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะชาวต่างชาติจะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในเรื่องของความปลอดภัย และต้องบอกว่าสำหรับคนไทยนั้นก็อาจจะยังใหม่และหลายคนคิดว่าไม่จำเป็นก็เป็นได้ เมื่อไหร่ที่เกิดปัญหาในการขับขี่ขึ้นมาอาจจะค่อยมานึกถึงทีหลัง สำหรับคุณแม่ที่ต้องขับรถเองและต้องดูแลลูกเองทั้งหมดจึงจำเป็นอย่างมาก อย่าให้ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งอุบัติเหตุเลยเป็นดีที่สุด

สถิตินั้นแสดงให้เห็นว่าคาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ลองดูข้อมูลสถิติเหล่านี้

  • ข้อมูลจาก Child Safety Promotion and injury Prevention Research Center ชี้ว่า เด็กอายุ 1 – 14 ปี มีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 3,000 รายและการเสียชีวิตมาจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นอันดับ 2
  • ประเทศไทยนั้นติดอันดับการเสียชีวิต อุบัติเหตุทางท้องถนนสูงติดอันดับต้นๆ ตลอด
  • ประเทศไทยเด็กแรกเกิดจนถึง 15 ปี เสียชีวิตร้อยละ 5.03 – 7.25 ต่อ 100,00 ประชากร
  • ช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตของทารกที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ถึง 71%

และยังมีสถิติอีกมากที่ชี้ว่าคาร์ซีทช่วยลดโอกาสบาดเจ็บและเสียชีวิตของเด็กได้ เพราะฉะนั้นเราคงสรุปประโยชน์ได้ไม่ยากว่ามีประโยชน์คือช่วยลดโอกาสบาดเจ็บและเสียชีวิตของเด็ก หากเกิดกรณี เบรคแรง อุบัติเหตุทางรถยนต์ต่างๆ

ประเภทของคาร์ซีท

การเลือกซื้อต้องคำนึงถึงอายุ ขนาดตัว และน้ำหนักของเด็ก โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • Rearward Facing Seats (แบบหันหน้าเข้าหาเบาะ)

ประเภทนี้เหมาะกับเด็กช่วงอายุ 0-2 ปี จะสามารถปกป้องศีรษะ คอ และกระดูกสันหลังของทารกได้ดีกว่าที่หันไปด้านหน้า และถ้าอยากติดตั้งไว้ตรงที่นั่งข้างคนขับก็อย่าลืมปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยเพื่อความปลอดภัยด้วย

  • Forward Facing Seats  (แบบหันหน้าออกจากเบาะ)

ประเภทนี้ออกแบบให้มีสายรัดจำกัดการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าของเด็กในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และยังมาพร้อมกับสายรัดสำหรับการยึดที่นั่งไว้ด้วย คาร์ซีทประเภทนี้เหมาะกับเด็กช่วงอายุ 2-7 ปี

  • Booster Seats

เป็นคาร์ซีทสำหรับเด็กที่มีขนาดตัวโตเกินกว่าขนาดของแบบธรรมดา แต่ยังไม่โตพอที่จะสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยได้เต็มที่ ประเภทนี้เหมาะกับเด็กช่วงอายุ 4-12 ปี สายคาดควรพาดผ่านกระดูกเชิงกราน หน้าอก และไหล่ของเด็ก ส่วนเข็มขัดคาดเอวควรพาดผ่านอุ้งเชิงกรานโดยให้เส้นทแยงมุมอยู่เหนือไหล่ไม่ใช่ที่คอ

คาร์ซีท

วิธีการเลือกซื้อคาร์ซีท

การซื้อที่เหมาะสมนั้นไม่ใช่แค่เพียงพิจารณาเรื่องราคาเท่านั้น แต่ควรเลือก ให้เหมาะสมกับอายุและขนาดตัวของลูกด้วย รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ที่สำคัญดังนี้

  • มาตรฐานความปลอดภัย เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานใด ๆ ที่รับรองมาตรฐานของคาร์ซีทที่ผลิตและนำเข้ามาโดยเฉพาะ แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกซื้อจากแหล่งอื่น ๆ ที่มีมาตรฐานความน่าเชื่อถือได้ เช่น Federal Motor Vehicle Safety Standard 213 ของประเทศสหรัฐอเมริกา
  • เข็มขัดนิรภัย ควรเลือกแบบรัด 5 จุด เพราะมีความปลอดภัยมากกว่า 3 จุด โดยต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้วยเช่นกัน
  • ความใหม่หรือมือหนึ่ง การใช้คาร์ซีทที่เพิ่งถูกผลิตและยังไม่ผ่านการใช้งาน จะเสี่ยงต่อการชำรุดเสียหายน้อยกว่าสินค้ามือสองอย่างแน่นอน ต้องไม่มีรอยแตก รอยร้าว และไม่เคยผ่านอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก่อน ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานลดลงทันที

1. เลือกประเภทตามอายุ น้ำหนัก และขนาดตัวของเด็ก 

ตามที่ได้บอกไปข้างต้นว่าคาร์ซีทมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่แบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (สำหรับเด็กแรกเกิด – 2 ปี) แบบหันหน้าออกจากเบาะ (สำหรับเด็ก 2-7 ปี) และแบบบูสเตอร์ (สำหรับเด็ก 4-12 ปี) ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อให้เหมาะสมและถูกประเภท

2. เลือกแบบติดตั้งถาวรหรือแบบเคลื่อนย้ายได้

สิงที่ต้องตัดสินใจต่อมาคือการเลือกว่าจะซื้อแบบไหนดี การเลือกแบบติดตั้งถาวรเหมาะกับการใช้แบบระยะยาว ไม่ต้องถอดเข้าถอดออกและมีความปลอดภัยสูง แต่มีข้อเสียคือมักจะหมุนไม่ได้และมีราคาสูงกว่า ส่วนแบบเคลื่อนย้ายได้สามารถใช้งานได้อิสระกว่า นำไปใช้กับรถเข็นเด็กก็ได้ ก็แล้วแต่ว่าคุณตัดสินใจจะเลือกซื้อแบบไหน

3. เลือกที่มีสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยสากล

ถ้าหากอยากได้ของที่มีคุณภาพก็ต้องเลือกซื้อของที่มีมาตรฐาน ยิ่งคาร์ซีทเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันอันตรายแล้วก็ต้องยิ่งให้ความสำคัญกับมาตรฐานเป็นพิเศษ โดยสามารถเลือกซื้อแบบที่มีมาตรฐานได้จากสัญลักษณ์ความปลอดภัย เช่น ECE R44/04 มาตรฐานของสหภาพยุโรปหรือ FMVSS 213 มาตรฐานประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้เลือกที่มีระบบติดตั้งมาตรฐาน UN หรือที่เรียกว่า ISOFIX อีกด้วย ISOFIX เป็นรูปแบบที่ยึดติดกับตัวรถได้อย่างปลอดภัยที่สุด มีลักษณะเป็นแกนเหล็กที่ติดตั้งมาจากโรงงาน สามารถเสียบยึดติดกับรถที่รองรับ ISOFIX ได้เลย แต่ก็ไม่ใช่รถทุกรุ่นที่รองรับระบบนี้ ดังนั้นควรตรวจสอบก่อนจะซื้อ

4. เลือกที่เหมาะสมกับรถยนต์

นอกจากตัวเด็กแล้ว คาร์ซีทก็ต้องมีความเหมาะสมกับรถยนต์ด้วย โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเช็คอุปกรณ์ติดตั้ง เช็คว่าประเภทที่ต้องการออกแบบมาสำหรับเข็มขัดนิรภัยกี่จุด และรถของคุณสามารถติดตั้งได้ตามนั้นหรือไม่ ยิ่งถ้าเป็นแบบมาตรฐาน ISOFIX ด้วยแล้วก็ต้องยิ่งเช็คว่ารถของคุณรองรับการติดตั้งแบบนั้นหรือไม่

วิธีติดตั้งคาร์ซีท

ประเภท Rearward Facing Seats (แบบหันหน้าเข้าหาเบาะ)

  • สำหรับเด็กอายุไม่ถึง 1 ขวบ ควรติดตั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะเสมอ
  • ห้ามติดตั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะตรงที่นั่งข้างคนขับที่มีถุงลมนิรภัยแบบไม่สามารถปิดใช้งานได้
  • จะสามารถติดตั้งประเภทนี้ตรงที่นั่งข้างคนขับได้ในกรณีที่มีการปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยแล้วเท่านั้น
  • ต้องใช้สายรัดแบบ 3 จุดหรือ 5 จุดสำหรับเด็อายุไม่ถึง 1 ขวบตามประเภทของเบาะรถยนต์

ประเภท  Forward Facing Seats  (แบบหันหน้าออกจากเบาะ)

  • สำหรับแบบที่หันหน้าออกจากเบาะควรติดตั้งตรงที่นั่งผู้โดยสารเบาะหลัง
  • หากจำเป็นต้องติดคาร์ซีทสำหรับเด็กไว้ที่ด้านหน้า ให้ปรับเบาะรถยนต์ให้ห่างจากถุงลมนิรภัยให้มากที่สุด (ทำตามคู่มือการติดตั้ง)
  • สำหรับเด็กน้ำหนัก 9 – 12 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 5 จุด
  • สำหรับเด็กน้ำหนัก 15 – 25 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 5 จุด
  • สำหรับเด็กน้ำหนัก 22 – 36 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 3 จุด

กฎหมายข้อบังคับเกี่ยวกับคาร์ซีท

ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษามีการเผยแพร่ถึงกฎหมายคาร์ซีท มาตรา 123 ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 สำหรับผู้โดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. จะต้องจัดหาที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก และต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะถูกปรับไม่เกิน 2,000 บาท

 

การติดตั้งคาร์ซีทคือสิ่งที่จำเป็นต่อความปลอดภัยของเด็ก และควรคำนึงถึงช่วงอายุ น้ำหนัก และขนาดตัวของเด็กก่อนจะเลือกซื้อด้วย การติดตั้งคาร์ซีทที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานจะช่วยลดเปอร์เซ็นต์การบาดเจ็บของเด็กได้อย่างมากเลยทีเดียว

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเด็ก

ที่มาของบทความ

 

ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับเด็กได้ที่  insidetelephony.com
สนับสนุนโดย  ufabet369